การประกวดมิสยูนิเวิร์สมีพัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงมาตลอดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน นอกจากความสวยงามทางกายภาพแล้ว ปัจจัยแวดล้อมอื่นๆก็มีผลต่อการตัดสินอย่างปฏิเสธไม่ได้เช่นกัน ในอดีต สังคมและการเมืองจะมีผลมากหน่อย ปัจจุบันเศรษฐกิจและการตลาดมีผลมากขึ้น มิสยูนิเวิร์สในแต่ละยุคมีการนำเสนอในรูปแบบที่แตกต่างกันตามยุคสมัย แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นเสน่ห์ที่ไม่เสื่อมคลายของการประกวดเวทีนี้คือ การตอบคำถาม ส่วนตัวมองว่าสิ่งนี้แหละที่ทำให้การประกวดนางงามดูมีอะไร และเป็นภาพจำของผู้หญิงคนหนึ่งที่มีโอกาสได้แสดงทรรศนะต่อสายตาชาวโลกในฐานะตัวแทนประเทศ แฟนนางงามอาจจะจำนางงามแต่ละคนได้ในเรื่องของลุค เสื้อผ้าหน้าผมหรือจริตอินเนอร์บนเวที แต่สำหรับคนทั่วไปภาพจำของนางงามคือการตอบคำถามของนางงามคนนั้น
มิสยูนิเวิร์สปีนี้จัดประกวดแบบรวบรัด บรรดาตัวเก็งก็ปล่อยของกันมาเยอะแล้ว (บางคนก็ปล่อยจนไม่เหลืออะไรจะให้ปล่อย) ณ เวลานี้ มองว่าสามตัวเก็งที่มั่นใจมาก ว่าจะมีโอกาสเข้าไปสู่รอบสามคนสุดท้ายได้ตอบคำถาม final question มากที่สุดได้แก่
USA ตัวแทนของ high quality woman โปรไฟล์ ประวัติการทำงาน และกิจกรรมต่างๆที่เธอทำมันน่าทึ่งมาก เป็นคนที่รู้จักแล้วรู้สึกซูฮก ยอมรับในความสามารถ เป็นผู้หญิงที่เก่งและมีคุณภาพ เรื่องความสวย จริงๆมีมุมสวยนะ เวลาอยู่บนเวทีแล้วขึ้นไฟ เป็นจุดเด่นของสาวผิวสี
Brazil ตัวแทนของ high energetic woman เป็นผู้หญิงที่ไม่เคยเหน็ดเหนื่อย ไม่เคยอ่อนล้า ไม่เคยย่อท้อต่อสิ่งใดๆบนโลกใบนี้ ในชีวิตที่ผ่านมาได้ทำอะไรมามากมาย แทบจะทุกอย่าง ไม่ว่าเธอต้องการสิ่งใด เธอจะทุ่มเทกับสิ่งนั้นแบบพลีกายถวายชีวิต ทำทุกอย่างเกิน 100% She is the most amazing woman in the world.
Thailand ขอก้าวข้ามผ่านประเด็นกายภาพ ลุค หรือมิสแฟชั่นต่างๆนานานะ เพราะดีมากอยู่แล้ว ปีนี้มั่น 100% ว่ามิสไทยแลนด์เข้ารอบห้าคนสุดท้ายแน่นอน
ด่านที่สำคัญที่สุดคือการตอบคำถามรอบห้าคน เพราะเป็นคำถามที่ต้องอาศัยความรู้ก่อนที่จะแสดงความคิดเห็น เมื่อไม่รู้ก็ยากที่จะแสดงความคิดเห็นได้ดี ตัวเก็งจากหลายๆประเทศรวมทั้งไทยแลนด์ (เจ็บตรงนี้)ได้ตกม้าตายในรอบนี้ให้เห็นอยู่เรื่อยๆ
สิ่งที่อยากจะแนะนำฟ้าใสคือ
1. อย่าตระหนกกับคำถามที่ไม่ได้เลือกเอง เอาจริงๆ back to the basic คิดง่ายๆเลย พี่ปุ๋ยก็ไม่ได้เลือกคำถามเอง (ปีนั้นคำถามก็จำเพาะเจาะจงต่อประเทศนั้นๆ) ดังนั้น อย่าได้กลัว
2. อย่าตกใจเมื่อเจอกับคำถามยาก ให้คิดว่าเค้าสนใจเรา จึงให้คำถามที่คู่ควรกับผู้ที่จะเป็นผู้ชนะ ถ้าเราสามารถก้าวข้ามบททดสอบนั้นได้ นางงามจักรวาลหลายๆคนเจอคำถามที่ไม่ง่ายเลย ชัดเจนสุดเช่นคำถามของ เปีย และเดมี่ ในรอบห้าคน
3. อย่างที่เคยแนะนำไว้ตั้งแต่ประกวด MUT ว่า “การที่เราจะพูดเกี่ยวเรื่องใดๆได้ดี เราต้องเคยคิดเรื่องนั้นมาก่อน” คือต้องเคยรู้มาก่อน ยกตัวอย่างง่ายๆคือคำตอบของเดมี่ในรอบห้าคน(ในตำนาน) ซึ่งชัดเจนมากที่สุดว่าตอบจากความรู้อย่างแท้จริง ในส่วนของความรู้ เชื่อว่าฟ้าใส ทีมงาน และผู้สนับสนุน ได้เตรียมการณ์มาอย่างดีแล้ว เพราะเคยเจ็บมาหลายรอบ(แรงตรงนี้) ยกตัวอย่างเช่น คำถามรอบห้าคน MUT2019 ที่ฟ้าใสตอบได้ดี และตอบได้ทันที เชื่อว่าฟ้าใสอาจจะเคยอ่านบทความที่เกี่ยวข้อง (related articles) ที่ตรงกับคำถามนั้นมาก่อน ซึ่งพอไปสืบค้นดูก็เจอบทความที่ตรงกับที่ฟ้าใสตอบไป
4. แต่ในโลกของความเป็นจริง คงไม่มีใครที่จะเคยอ่านทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นบนโลกได้ทั้งหมด แล้วจะทำอย่างไร? จากการวิเคราะห์ส่วนตัวคิดว่าคำถามรอบห้าคนส่วนมากอิงจาก story ของนางงามที่นำเสนอไป (แม้แต่ปีพี่ปุ๋ยก็อิงจากสตอรี่ของพี่ปุ๋ยเอง แต่ปีนั้นไม่มี final question มีแค่ interview) ดังนั้นถ้าจะ scope ประเด็นคำถามให้แคบลงก็ควร back to the basic โดยอิงจาก story ของตัวเอง ส่วนตัวมองว่า keywords สำคัญในสตอรี่ฟ้าใสที่อาจถูกดึงมาเป็นคำถามได้คือ
Fahsai Paweensuda Drouin, a Canadian-Chinese Thai, defines herself as an ordinary woman who is down to earth, likes to use public transportations, and enjoys street food. Passionate to help people, she chose to study Kinesiology as a pre-medical degree where she graduated with Distinctions from the University of Calgary in Canada. Her pageant journey began in 2013 where she later discovered that pageant titles could expand her humanitarian work through the opportunity to be a public figure. She started in minor competitions and worked her way up to be crowned Miss Universe Thailand in 2019. Fahsai’s fighting spirit has empowered many lives, especially young women, to pursue their dreams. Thanks to the MUT organization, Fahsai has expanded her original project ‘ABLE’, which adapt sports to improve the physical ability and self-esteem of individuals with disabilities. She also started the “We are One” campaign which promotes equality and inclusivity among underprivileged children though sports, art, and music. When Fahsai isn’t busy with her charity work and modeling, you will find her working as a part-time sports
Equally อาจเป็น keyword ที่เอามาถามได้ คำถามอาจจะคล้ายๆคำถามของเฟิร์ส หวัง ตอน MUT หรืออาจจะถามเกี่ยวกับประเด็นความเท่าเทียม หรือ ความไม่เท่าเทียม ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องราวในประเทศ หรือ ระดับสากลก็ได้ ถ้าโดนคำถามแนวๆนี้ถือว่าไม่ง่ายเลย
Chance ฟ้าใสมีวันนี้ได้เพราะได้รับโอกาส ดังนั้นอาจจะถามเกี่ยวกับเรื่องโอกาส ความด้อยโอกาส และการให้โอกาสก็เป็นได้
5. ในกรณีที่ได้คำถามที่เราไม่รู้ หรือไม่ได้เก็งมาก่อนจะทำอย่างไร? คำถามที่ไม่เคยรู้ หรือไม่เคยอ่าน related articles มาก่อน การจะตอบให้มงลง ง่ายๆเลยคือตอบยังไงก็ได้เพื่อให้แสดงทรรศนะไปทาง “เชิดชูพลังของผู้หญิง” ซึ่งตรงกับบริบทของเวที
ยกตัวอย่างง่ายๆก็คำถามของฟ้าใสในรอบสามคน MUT2019 นั่นแหละ
คำถามนี้สามารถตีความได้สองทาง คือ
ก. ผู้หญิงที่ทนอยู่กับสามีที่ไม่ได้รักกันแล้ว แต่ต้องอยู่ตามหน้าที่เพื่อเลี้ยงดูลูกที่ยังเด็กอยู่ keyword คือทำตามหน้าที่และลูกยังเด็ก ในโลกของความเป็นจริงอาจจะมีคู่สามีภรรยาที่ทำแบบนี้ คืออยู่เพื่อลูก ให้ลูกได้เติบโตขึ้นมาสักระยะก่อน กรณีนี้สามีภรรยาอาจจะอยู่กันแบบเพื่อนก็ได้ คือได้ตกลงเงื่อนไขของการอยู่ร่วมกันฉันมิตร ถ้าตีความแบบนี้สามารถตอบแบบที่ฟ้าใสตอบได้คือ “เชิดชูพลังของผู้หญิง” ในความความเสียสละของแม่เพื่อลูก
ข. กรณีที่ภรรยาต้องทนอยู่เพื่อลูก เพราะยังต้องพึ่งพาสามีอยู่ อาจจะอยู่ด้วยกันด้วยความสัมพันธ์ที่ไม่ดีแล้วก็เป็นได้ ถ้าตีความแบบนี้ก็ต้องตอบในเชิง “เชิดชูพลังของผู้หญิง” ในอีกทาง เช่น ผู้หญิงยุคใหม่ควรสามารถยืนหยัดด้วยลำแข้งของตัวเองได้ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพิงผู้ชายเสมอไป ผู้หญิงสามารถเป็น single mom ได้ และเชื่อว่าเด็กคนหนึ่งสามารถเติบโตขึ้นมาเป็นคนที่มีคุณภาพและเป็นคนดีของสังคมได้ด้วยการเลี้ยงดูด้วยความรักของคนที่เป็นแม่
ดังนั้นถ้าเจอคำถามที่เราไม่เคยคิดมาก่อน จงตั้งสติ และตอบยังไงก็ได้ให้มีใจความไปในทาง “เชิดชูพลังของผู้หญิง”
ในรอบสามคนสุดท้าย เอาจริงๆไม่ห่วงเลยนะ เพราะคำถามจะเป็นแนวการกล่าวแสดงพลัง empower โดยอิงจากประสบการณ์ของตัวเอง ซึ่งตรงนี้เป็นจุดแข็งของฟ้าใสอยู่แล้ว และส่วนตัวมองว่าคำตอบรอบสามคนมันไม่มีถูกผิดหรอก เพราะประสบการณ์ในชีวิตของแต่ละคนย่อมแตกต่างกัน ในรอบนี้เราก็แค่ตอบจากใจ เป็นตัวเอง เค้าจะเลือกเราหรือไม่ มันอยู่ที่เค้าแล้วล่ะ
สุดท้ายอยากจะบอกฟ้าใสว่า ฟ้าใสเป็นหนึ่งในนางงามที่ส่วนตัวรักที่สุดคนนึง อาจจะเป็นเพราะเห็นฟ้าใสมาตลอด รู้ว่าฟ้าใสไม่ใช่นางงามที่สมบูรณ์แบบ born to be หรือเลิศเลอมาจากไหน เคยล้ม เคยผ่านความผิดพลาด เคยทำอะไรบ้งๆก็หลายที แต่ด้วยความที่ฟ้าใสมี อิทธิบาท 4 ฟ้าใสจึงมีวันนี้ และในวันนี้ฟ้าใสเป็นนางงามที่แฟนนางงามรักและสนับสนุนมากที่สุดคนนึงเลย
เคยสงสัยกันไหมว่าทำไมนางงามบางคนแฟนนางงามถึงรักและสนับสนุน ทำไมนางงามบางคนแฟนนางงามถึงปล่อยผ่าน
ไม่ใช่เพราะนางงามคนนั้นสวยเลิศเลอ
ไม่ใช่เพราะนางงามคนนั้นทำผลงานได้ดี (บางคนแม้ตกรอบแฟนนางงามก็ยังรัก)
ไม่ใช่เพราะนางงามคนนั้นตรงบริบทเวทีแม่ (นางงามบางคนมองลงมาจากดาวอังคารก็รู้ว่าไม่ตรงบริบทเวทีแม่แต่แฟนนางงามก็ยังรัก)
แฟนนางงาม คือคนที่รักและติดตามการประกวดนางงาม ถ้านางงามคนไหนแสดงให้เห็นว่า รักในการเป็นนางงามอย่างแท้จริง มีแพชชั่น และแสดงความทุ่มเทอย่างเต็มกำลังให้เห็น แฟนนางงามก็จะรักและสนับสนุนนางงามคนนั้น เพราะ “รักในสิ่งเดียวกัน”
ฟ้าใสจะรู้ไหมว่า สิ่งที่ empower ฟ้าใสมากที่สุด และทำให้ฟ้าใสมาถึงจุดนี้ได้คืออะไร พลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนั่นคือ พลังของความรักจากทุกคนที่รักฟ้าใส